หน้าเว็บ

Friday, February 22, 2013

Lumia 520/720


ข่าวลือข่าวหลุด ได้ปล่อยภาพ Lumia 520 และ Lumia 720 จากภาพ เป็นไปได้ที่ Lumia 520 จะไม่มีไฟแฟลชของกล้องมาให้ ส่วน Lumia 720 นั้นจะใช้เลนส์ Carl Zeiss และมีไฟแฟลชมาให้ นอกจากนั้นทั้งสองรุ่นมีหลากสีให้เลือกเช่นเคย แต่ดูไม่ออกว่าผู้ใช้จะถอดเปลี่ยนฝาหลังได้หรือไม่
จากข่าวลือก่อนหน้านี้ Lumia 720 จะมีหน้าจอ 4.3 นิ้ว, ซีพียูดูอัลคอร์ 1 กิกะเฮิรตซ์, แรม 512 เมกะไบต์ หน่วยความจำภายใน 8 กิกะไบต์ มีช่องใส่ microSD, กล้องหลัก 6 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล ส่วน Lumia 520 จะมีหน้าจอ 4 นิ้ว, ซีพียูดูอัลคอร์ 1 กิกะเฮิรตซ์, แรม 512 เมกะไบต์ หน่วยความจำภายใน 8 กิกะไบต์ มีช่องใส่ microSD, กล้องหลัก 5 ล้านพิกเซล ไม่มีกล้องหน้า
ที่มา: @evleaks (1,2) ผ่าน The Verge

Lumia 520
Lumia 720

เสียงแปลกๆ ในโน้ตบุ๊ก


ท่านที่ใช้งานโน้ตบุ๊กก็มักจะได้ยินเสียงแปลกๆ จากโน้ตบุ๊กของท่านกันบ้างละครับ แต่เสียงที่ดังขึ้นมานั้นมีจากทั้งเสียงปรกติ และเสียงที่ไม่ปรกติ ซึ่งเสียงที่ออกมาก็แตกตต่างกันไปตามแหล่งกำเนิดเสียง ซึ่งเราไปทำความรู้จักกันสักหน่อยครับว่าเสียงไหนปรกติ และเสียงไหนเป็นปัญหา
ปรกติ
image
  • เสียงจากลำโพง – อันนี้ถ้าไม่ดังสิครับเรียกว่าผิดปรกติ เสียงจากลำโพงก็จะดังขึ้นมาเป็นปรกติอยู่แล้วเวลาเราเปิดเพลง เปิดภาพยนตร์ แต่ถ้าเวลาไม่ได้เปิดเสียงอะไรแล้วดังนี่ให้สงสัยไปก่อนว่าลำโพงมีปัญหา หรืออาจจะมีปัญหาเรื่องกำลังไฟ เช่นไฟเกินนะครับ
  • พัดลมระบายความร้อน – หลักการของพัดลมคือหมุนใบพัดเพื่อช่วยในการระบายความร้อน ยิ่งเครื่องร้อนก็ยิ่งหมุนเร็ว เสียงก็จะดังเป็นธรรมดานะครับตรงนี้ไม่ต้องตกใจ แต่ถ้าเมื่อใดพัดลมไม่หมุนหรือไม่มีเสียงเลยให้เข้าศูนย์เลยนะครับเพราะ พัดลมไม่หมุนเครื่องอาจจะพังแทนได้
  • ฮาร์ดดิสค์ – อุปกรณ์นี้แม้ปรกติไม่ควรจะเกิดเสียเท่าไร แต่ถ้าทำงานหนักๆจะมีเสียงบ้างก็เป็นธรรมดา เพราะภายใน ฮาร์ดดิสค์คือจานเก็บข้อมูลที่หมุนอยู่ตลอดเวลา ยิ่งอ่านเขียนข้อมูลมากๆก็ยิ่งหมุนเร็ว จะมีเสียงบ้างก็เป็นธรรมดา แต่ถ้าดังเกินไป หรือดังๆ หยุดๆแบบแปลกๆคงต้องรีบเคลมแล้วละครับ
  • DVD Drive – หลักการเหมือนฮาร์ดดิสค์ เวลาอ่านแผ่นใหม่ๆ Drive จะหมุนเร็วมากทำให้เกิดเสียงดังพอสมควร แต่ถ้าไม่ได้อ่านแผ่นหรือเอาแผ่นออกไปแล้วก็จะเงียบไปเอง
อุปกรณ์ 4 ตัวในโน้ตบุ๊กที่จะมีเสียงดังบ้างก็ไม่แปลก ซึ่งถ้าเป็นเสียงจากพวกนี้กไม่ต้องตกใจนะครับเป็นปรกติ แต่ถ้าเสียงที่ดังออกมาแปลกออกไปละ ซึ่งมันคงไม่ปรกติแล้ว
ไม่ปรกติ
image
  • เสียงดัง จี๊ดๆ เหมือนไฟฟ้าจ่ายเกิน หรือจ่ายไม่สม่ำเสมอ อาจจะมีปัญหาเรื่องภาคจ่ายไฟ
  • เสียงฮาร์ดดิสค์ที่ดังแบบกระตุก หรือดังมากแต่อ่านเปิดไฟล์ในฮาร์ดดิสค์ดิสค์ไม่ได้หรือช้ามาก เคลมฮาร์ดดิสค์เลย
  • ลำโพงเสียงแตก ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเมื่อเปิดดังมากๆ ถ้าเป็นเครื่องใหม่ๆ แนะนำเคลมก่อนเลยครับ
  • เสียงกรอบ แกร๊บตามรอยต่อของ Body ซึ่งแสดงถึงว่า Body ประกอบไม่สนอท หรือเกิดการแตกหัก ถ้าเคลมได้เคลมนะครับ ถ้าเคลมไม่ได้ก็ระวังตรงนี้หน่อย
image
หลักๆ ถ้าเสียงที่ดังออกมาจากตัวเครื่องไม่ใช่เสียงที่ปรกติเราเจอกันทุกวันเช่น เสียงไฟฟ้าดังจี๊ดๆ ในเครื่อง หรือเสียงอื่นๆ ที่หาสาเหตุไม่ได้แนะนำเข้าศูนย์เคลมก่อนนะครับใหม่ๆ อาจจะ ซ่อมได้ทัน ถ้าทิ้งไว้นานๆ อาจจะส่งผลต่อแผงวงจรหรืออุปกรณ์อื่นๆ ในระยะยาวได้

Acer ขอแนะนำ Chromebook C7 ตัวใหม่


Acer ประกาศเปิดตัวเครื่อง Chromebook C7 ที่ภายในใช้เป็นระบบ Chrome OS จาก Google  ขนาด 11.6 นิ้วตัวใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ได้เปิดตัวตัวแรกไปแล้วเมื่อเดือนก่อนหน้า ที่มาพร้อมราคาบนป้าย $199 (6,xxx บาท) ส่วนตัวใหม่ C710-2605 จะเพิ่มราคาเข้าไปอีกเท่าตัว เป็น $299 (9,xxx บาท) โดยจะได้แรมเพิ่มขึ้นมาจากเดิมอีกเท่าตัวเป็น 4GB ฮาร์ดดิสก์ขนาด 500GB แบตเตอรี่ภายในความจุ 5,000 mAh นอกนั้นก็เหมือนเดิมกับตัวเก่า สำหรับสเป็กก็จะเป็นชิป Intel Cerelon 1.10GHz พร้อม WLAN, GbE, USB2.0/1.1, HDMI และ D-Sub

ที่มา: http://notebookspec.com

Chromebook Pixel โน้ตบุ๊กเครื่องแรกจาก Google


Chromebook เองเป็นชื่อเรียกของโน้ตบุ๊กติดตั้งระบบปฏฺิบัติการ Chrome OS มาให้ในตัวเครื่องด้วย ซึ่งในตอนแรกนั้น Google ร่วมกับผู้ผลิตรายอื่นๆ นำเอาระบบปฏิบัติการดังกล่าวนี้ไปติดตั้งในโน้ตบุ๊กของพวกเขาเองเพื่อจำหน่ายกันอย่างสนุกสนาน โดดเด่นด้วยการทำงานผ่านระบบ Cloud และมีราคาที่ไม่แพง แต่ว่า Google เองก็เป็นเสือซุ่มพัฒนา Chromebook ด้วยตัวเองของตัวเองมาวางจำหน่ายด้วยเช่นกัน โดยมีผู้รับทำ OEM ให้ ซึ่งนับว่าเป็น Chromebook เครื่องแรกโดยฝีมือ Google จริงๆ โดยอานิสงค์ทั้งหมดนี้ มาจากสมัยที่กำลังพัฒนา Nexus 4, 7, 10 อยู่นั่นเอง
Chromebook จาก Google โดย Google เครื่องนี้นั้น ทาง Google ให้ชื่อว่า “Chromebook Pixel” ซึ่งบอดี้ตัวเครื่องนั้นทำจากวัสดุอะลูมิเนียมและทัชแพดเป็นกระจกแข็งพิเศษที่สามารถคลิกได้เหมือนพลาสติกแบบทั่วไปที่นำมาประกอบทัชแพด รวมไปถึงมี Lightbar ที่อยู่บริเวณฝาหลังด้านบนองเครื่อง ดีไซน์โดยรวมถือว่าสวยามหรูหราและมีความเหลี่ยมมากๆ
Chromebook Pixel จะมีขนาดหน้าจอที่ 12.85 นิ้ว (13 นิ้ว) ความละเอียดหน้าจออยู่ที่ 2560 x 1700 พิกเซล หน้าจอระดับความละเอียด 4.3 ล้านพิกเซล มีความหนาแน่นของพิกเซลที่ 239 ppi และอัตรา Ratio อยู่ที่ 3:2 แบบภาพถ่าย โดยทาง Google กล่าวว่าค่า Ratio นี้จะให้มุมมองแนวตั้งที่มากกว่าค่า Ratio ที่ 16:9  ความสว่างอยู่ที่ 400 nit มีความหนาแน่นกว่า MacBook Pro with Retina Display ขนาด 13 นิ้วที่มีความหนาแน่นของพิกเซลที่ 227 ppi เท่านั้น หน้าจอรองรับระบบสัมผัสแบบ Capacitibe รองรับ Multi-Touch ใช้กระจก Gorilla Glass ความหนา 0.55 มิลลิเมตร มีมุมมองหน้าจอกว้างถึง 178 องศา ซึ่งคาดได้ว่าใช้พาเนลคุณภาพสูง IPS แน่นอน ฉะนั้นเครื่องสีสันสมจริงหายห่วง 
สเปกของ Chromebook Pixel นั้น จะมีดังนี้
  • ขนาดหน้าจอ 12.85″ ที่สัดส่วน 3:2 มีความละเอียด 2560 x 1700 พิกเซล ที่ความหนาแน่น 239 ppi ความสว่าง 400 nit
  • ซีพียู Intel Core i5 แบบ Dual-Cores ความเร็ว 1.8 GHz 
  • กราฟิกการ์ด Intel HD Graphic 4000 (ต้องดูกันต่อว่าขับความละเอียดระดับนี้ไหวหรือเปล่า)
  • SSD ความจุ 32 และ 64 GB พร้อมระบบ Cloud Storage ความจุ 1 TB จาก Google เป็นเวลา 3 ปี
  • แรม 4 GB แบบ DDR3 
  • USB 2.0 จำนวน 2 ช่อง (ขัดใจมากๆ ตรงนี้)
  • Card Reader รองรับ SD/MMC Card 
  • ติดตั้งไมค์มาให้ 3 ตัว
  • MiniDisplay Port
  • Webcam 720p
  • Wifi 802.11 a/b/g/n แบบ 2×2
  • Bluetooth 3.0
  • ติดตั้งระบบ DSP Noise Cancellation มาให้ในเครื่อง
  • แบตเตอรี่ 59 Wh รองรับการทำงานต่อเนื่องได้ 5 ชั่วโมงติดต่อกัน
  • มิติตัวเครื่อง 297.7 x 224.6 x 16.2 มิลลิเมตร หนัก 1.52 กิโลกรัม
  • ระบบระบายความเย็นแบบพิเศษ ไม่เจาะช่องระบายความร้อนเอาไว้ (น่าสนใจตรงนี้)
  • ผ่านมาตรฐาน ENERGY STAR
  • คีย์บอร์ดแบบ Backlit มีแสงไฟในที่มืด
โปรแกรมภายใน Chromebook Pixel นั้นจะติดตั้งโปรแกรมหลักๆ เพื่อใช้ทำงานมาให้ในระดับหนึ่งแล้ว ได้แก่โปรแกรมสำหรับทำงานเอกสารและติดตั้งระบบป้องกันไวรัสที่ได้ Kaspersky มาจัดการให้ด้วย สำหรับ Chromebook Pixel นี้ รุ่นความจุ 32 GB จะเป็นรุ่น Wifi อย่างเดียว และรุ่น 64 GB จะติดตั้งระบบ LTE บนเครือข่าย Verizon มาให้ด้วย ซึ่งโปรโมชั่นพิเศษของรุ่น 64 GB LTE นั้น จะได้รับ
  • บริการ Wi-Fi บนเครื่องบินของ GoGo จำนวน 12 เที่ยวบิน
  • บริการอินเตอร์เน็ตผ่านระบบ LTE เดือนละ 100MB เป็นเวลาสองปี
  • หากมีเปิดบริการอินเตอร์เน็ตกับ Verizon ไว้แล้ว จะสามารถเพิ่มอีก 10 ดอลล่าร์ให้ไม่จำกัด Data Plan ได้ด้วย 
สำหรับราคาที่ทาง Google ประกาศออกมานั้น สำหรับรุ่น 32 GB Wifi นั้น สนนราคา 1,300 ดอลล่าร์ (ประมาณ 40,000 บาท) ส่วนรุ่น 64 GB LTE จะอยู่ที่ 1,450 ดอลล่าร์ (ประมาณ 45,000 บาท) สามารถจับจองได้ผ่านทาง Google Play Store และทาง Best Buy ได้ทั่วโลก และกำหนดวางจำหน่ายนั้น คือสัปดาห์แรก เดือนเมษายนที่จะถึงนี้
ซึ่งสำหรับราคาในระดับนี้ หลายๆ คนที่อยากได้อาจจะพลอยหมดอารมณ์กันไปบ้าง แต่ว่าได้อ่านสเปกเต็มๆ กันแล้วคงจะเลือกได้ง่ายขึ้นบ้าง หากว่าไปเทียบกับ MacBook Pro with Retina Display ขนาด 13 นิ้ว ด้วยกัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของผู้ใช้อีกเหมือนกัน ว่าจะยอมหรือไม่ยอม แต่ถ้าผู้เขียนล่ะก็ อยากได้รุ่น 32 GB ไม่เอาโปรโมชั่นเสริมอะไรทั้งนั้น และขอให้โครงข่ายสัญญาณอินเตอร์เน็ตในบ้านเราดีขึ้นอีกสักนิดเถอะนะ รวมไปถึงอยากจับมารีวิวจริงๆ ให้ตายเถอะ :p
ที่มา : http://notebookspec.com

Tuesday, February 12, 2013

Surface Pro บนแอพอโดบีอยู่, ปล่อยโฆษณารุ่น Pro


ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีข่าวสารเกี่ยวกับ Surface (ทั้ง RT และ Pro) พอสมควร สรุปได้ดังนี้
  • ไมโครซอฟท์เตรียมปล่อยแพตช์แก้ปัญหาการเชื่อมต่อไวไฟบน Surface RT สองครั้ง คือ Patch Tuesday รอบเดือนกุมภาพันธ์และรอบเดือนมีนาคมตามลำดับ
  • Surface Pro จะสิ้นสุดการสนับสนุนหลัก (mainstream support) ที่ 10 ก.ค. 2560 ซึ่งเร็วกว่าการสิ้นสุดการสนับสนุนหลักของ Windows 8 ที่ 9 ม.ค. 2561
  • ไมโครซอฟท์ปฏิเสธโครงการ trade-in นำ Surface RT เครื่องเก่ามาเป็นส่วนลดซื้อ Surface Pro (ZDNet ไม่ได้อ้างอิงข่าวต้นเรื่องของโครงการ trade-in ไว้ แต่ผมเข้าใจว่าข่าวนี้เกิดตั้งแต่ Neowin รายงานเมื่อก่อนการวางขาย Surface Pro ในวันที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา)
  • บริษัทกำลังแก้ปัญหาปากกาของ Surface Pro ที่มีผู้ใช้รายงานว่าใช้งานบนแอพของอโดบีอย่าง Photoshop ไม่ได้ โดยบริษัทกล่าวว่าปากกานั้นสามารถใช้งานบน Photoshop ได้ แต่ฟีเจอร์รับรู้แรงกด (pressure sensitivity) และฟีเจอร์ลบข้อมูลยังไม่สามารถใช้งานได้ เนื่องจาก Surface Pro ใช้ Windows Inbox Driver และชุด API เฉพาะ บริษัทกำลังทำงานร่วมกับคู่ค้าต่างๆ เพื่อให้ในอนาคตอันใกล้ฟีเจอร์เด่นของปากกา Surface ใช้งานบนแอพต่างๆ ได้
  • ทีมงาน Surface ชี้แจงว่าในอนาคตจะมี Touch Cover หลากสีมากกว่านี้ ส่วน Type Cover นอกเหนือจากสีดำนั้นน่าจะเป็นไปได้ในอนาคต
  • บริษัทไม่มีแผนที่จะขาย Surface RT และ/หรือ Surface Pro แบบ volume license
  • บริษัทได้ปล่อยโฆษณาชุดแรกของ Surface Pro แล้ว (ดูได้ข้างล่าง) ซึ่งกำกับโดยผู้กำกับเดียวกับคนที่กำกับโฆษณา Surface RT และต่อมา Stay Classy Studios ซึ่งอยู่เบื้องหลังโฆษณาชุดนี้ก็ได้ปล่อยคลิปวิดีโอชุดเต็มของโฆษณาดังกล่าวออกมา ซึ่งมีการกัดจิก iPad เล็กน้อยในตอนท้าย

Facebook เริ่มทดสอบฟีเจอร์ขายตั๋วในหน้าอีเวนท์


Facebook
Facebook เริ่มทดสอบให้ผู้ใช้ภายนอกบางส่วนสามารถขายตั๋วผ่านหน้าอีเวนท์โดยตรงแล้ว หลังจากมีผู้ใช้บางรายไปเห็นปุ่ม "Buy Tickets" เข้า
จากข้อมูลของเว็บไซต์ All Facebook ระบุว่าผู้ใช้บางส่วนเมื่อกดตั้งอีเวนท์ จะพบกับช่อง "Tickets" ให้ใส่ลิงก์ให้ผู้ใช้อื่นสามารถคลิกเพื่อไปซื้อตั๋วร่วมงานได้ ซึ่งปุ่มดังกล่าวจะไปปรากฏในหน้าลิสต์รายชื่ออีเวนท์ และสามารถโพสต์ลงบนวอลล์ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ปุ่มที่เพิ่มขึ้นมาไม่ได้มีฟีเจอร์อะไรพิเศษไปกว่าการทำให้ลิงก์ที่มีอยู่แล้ว (มักอยู่ในช่อง description) ไปอยู่ในจุดที่เด่นกว่าเท่านั้นเอง
ฟีเจอร์ที่ว่านี้เริ่มเปิดมีใช้ในกลุ่มผู้ใช้ชาวเนเธอร์แลนด์แล้ว ใครที่อยากเห็นปุ่มดังกล่าว สามารถไปดูได้จากอีเวนท์นี้ครับ
ที่มา - blognone

American Express เปิดให้ผู้ใช้ Twitter ซื้อของด้วยทวีตติดแฮชแท็ก


American Express
American Express เปิดให้ผู้ใช้ Twitter สามารถซื้อสินค้าได้โดยตรงผ่านทวีตแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้เคยเปิดให้ผู้ใช้ทวีตติดแฮชแท็กเพื่อรับส่วนลดจากบริการต่างๆ มาก่อน
บริการใหม่นี้ยังต้องผูกกับ Amex Sync ที่จะผูกบัตรเครดิตของเราเข้ากับบัญชี Twitter เหมือนเดิม โดยผู้ใช้สามารถค้นหาแฮชแท็กจากบัญชี Twitter ของ American Express เพื่อทวีตซื้อของพร้อมส่วนลดได้ (เช่น #BuyAmexGiftCard25 เพื่อซื้อบัตรของขวัญในราคา 15 เหรียญจากราคาเต็ม 25 เหรียญ) เมื่อทวีตแล้ว บัญชี @AmexSync จะทวีตมาให้ยืนยันการชำระยอดดังกล่าว และการซื้อจะเสร็จสิ้นเมื่อผู้ใช้ทวีตแฮชแท็กดังกล่าวกลับไปยัง @AmexSync โดยสินค้าจะส่งให้ตามที่อยู่ของบัตรเครดิตที่ตัดยอดไป
American Express บอกว่าแคมเปญนี้จะมีระยะเวลาประมาณ 3 สัปดาห์ต่อสินค้าหนึ่งชิ้น ซึ่งดูได้จากที่มาครับ
ที่มา - blognone

LG เปิดตัวมือถือซีรีส์ L รุ่นที่สอง: Optimus L3II, Optimus L5II และ Optimus L7II


LG
ใกล้ครบรอบหนึ่งปีหลังจาก LG เปิดตัวสมาร์ทโฟนจับตลาดล่าง-กลาง Optimus L อย่าง L3, L5 และ L7 ไป ปีนี้ LG ปล่อยรุ่นใหม่สามรุ่นรวดที่อัพเกรดสเปคจากรุ่นเดิมอย่าง L3II, L5II และ L7II ออกมาแล้ว
ฝั่งสเปค ตอนนี้มีรายละเอียดเต็มๆ เฉพาะของ L7II ออกมาแค่รุ่นเดียว ดังนี้ครับ

  • ซีพียู MSM8225 ดูอัลคอร์ความถี่ 1GHz
  • หน้าจอ IPS 4.3" ความละเอียด 800x480 พิกเซล
  • รัน Android 4.1 Jelly Bean
  • กล้องหลัง 8 เมกะพิกเซล กล้องหน้า VGA
  • หน่วยความจำภายใน 4GB แรม 768MB
  • รองรับสองซิม แบตเตอรี่จุ 2460mAh
ส่วนอีกสองรุ่นที่เหลือ L5II จะใช้หน้าจอ 4" 800x480 พิกเซล แบตเตอรี่ 1700mAh และ L3II หน้าจอ 3.2" 320x240 พิกเซล แบตเตอรี่ 1540mAh
สิ่งที่ทั้งสามรุ่นนี้มีเหมือนกันคือการออกแบบเรียบๆ ปุ่มโฮม พร้อมไฟแจ้งเตือน พร้อมอินเทอร์เฟซเดียวกับที่ใช้ใน Optimus 4XHD ที่มาพร้อมกับแอพอย่าง QuickMemo, Quick Button และ Safety Care โดย L7II จะเริ่มขายก่อนในสัปดาห์หน้า ส่วนรุ่นที่เหลือจะตามมาทีหลังครับ
ที่มา - blognone

กูเกิลเตือนนักข่าวในพม่าที่ถูกแฮกอีเมล


Myanmar
หลังมีรายงานจากทาง The New York Times เกี่ยวกับประเด็นที่ว่านักข่าวที่ติดตามข่าวในประเทศพม่าหลายคนถูกแฮกอีเมลโดยมีการสนับสนุนจากทางรัฐบาลได้ไม่กี่วัน กูเกิลก็ออกมาเตือนนักข่าวเกี่ยวกับประเด็นนี้แล้ว
ย้อนไปที่ประเด็นการแฮกอีเมลนักข่าว The New York Times ระบุว่านักข่าวที่เป็นเป้าหมายของการแฮคหลายคนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความขัดแย้งของรัฐกะฉิ่นทางตอนเหนือของประเทศ ยกตัวอย่างเช่น Eleven Media และ The Voice Weekly ที่ช่วงหลังเริ่มมีบทความในหัวข้อหนักๆ ทำให้รัฐบาลทำงานกันอย่างอึดอัดมากขึ้น หลังจากที่พม่าเริ่มเบาความตรึงเครียดในการเซนเซอร์สื่อลงได้ไม่นาน
จากบทความเกี่ยวกับการแฮกอีเมลของ Eleven Media ระบุว่าความพยายามแฮกดังกล่าวไม่ได้เจาะจงแค่ในพม่าเท่านั้น แต่ลามไปถึงนักข่าวในเครือสำนักข่าวนานาชาติทั้ง Kyodo, AP ฯลฯ อีกด้วย รวมถึงการแฮกเว็บไซต์ก็เกิดขึ้นในช่วงใกล้ๆ กัน

สำหรับประเด็นดังกล่าว Taj Meadows โฆษกกูเกิลประจำโตเกียวได้ออกมาพูดถึงการแฮกดังกล่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่จะถูกแฮกโดยมีทางการคอยสนับสนุนอยู่ แม้ว่าจะไม่ได้ระบุว่าใช้วิธีใดในการบอกว่าเป็นโจมตีดังกล่าว โดยอ้างเหตุผลเพื่อไม่ให้ผู้ปฏิบัติการดังกล่าวใช้ข้อมูลนี้ไปกระทำการต่อนั่นเอง
แน่นอนว่ารัฐบาลพม่าออกมาให้สัมภาษณ์ผ่าน Wall Street Journal ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการแฮกอีเมลดังกล่าว และยังบอกว่าทางการไม่มีนโยบายโจมตีสื่ออีกด้วย
ที่มา - blognone

Thailand Online Expo งานแสดงเทคโนโลยีและประสบการณ์บนโลกออนไลน์


แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าในขณะนี้เรากำลังอยู่ในยุคใหม่ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตอย่างมาก อินเทอร์เน็ตใกล้จะเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักอย่างเลี่ยงไม่ได้ จากที่เราเคยรู้จักกับคำว่าออนไลน์เพียงแค่การเข้าเว็บไซต์ ส่งอีเมล ทุกวันนี้ออนไลน์เข้าถึงบริการแทบทุกอย่างที่ใช้ในชีวิตประจำเกือบทั้งหมด สมัยนี้ไม่แปลกเลยที่จะเห็นคนนั่งหน้าคอมทั้งวัน แต่สามารถทำงาน ประชุม หรือแม้แต่ซื้อขายหุ้น ถึงกระนั้นก็ยังมีผู้คนอีกมากที่ยังเข้าไม่ถึงเทคโนโลยีที่ว่านี้

เพื่อรวบรวมเทคโนโลยีที่จำเป็นกับชีวิตประจำวัน และเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ งาน Thailand Online Expo จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อนำเสนอเทคโนโลยีและประสบการณ์บนโลกออนไลน์ ให้ผู้ที่มาร่วมงานได้เข้าใจ และนำเทคโนโลยีไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน หรือปรับเข้ากับธุรกิจให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยงาน Thailand Online Expo จะจัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในวันที่ 25-28 เมษายนนี้
งาน Thailand Online Expo ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบตามคอนเซป “Enjoy The Future” เทคโนโลยีที่นำมาแสดงในงานอาจไม่ได้ทันสมัยล้ำยุคอย่างที่ชาวไอทีติดตามข่าวทุกวัน แต่สำหรับภาคธุรกิจแล้ว มันคืออนาคตที่เขาเลี่ยงไม่ได้ และเป็นก้าวแรกสำหรับเตรียมพร้อมไปสู่อนาคตที่จะต้องปรับมาใช้ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรมากขึ้น และในปีต่อๆ ไปจะยิ่งมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยยิ่งขึ้นมาแสดงอย่างไม่ขาดสาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงเทคโนโลยีและออนไลน์แล้ว หลายคนอาจจะยังมองภาพไม่ชัดว่างาน Thailand Online Expo จะมีอะไรมาแสดงบ้าง ทางผู้จัดจึงจัดโซนสำหรับแสดงเทคโนโลยีเป็นสองโซนใหญ่ๆ ตามกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่โซนที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจ (Business Zone) สำหรับตอบโจทย์นักธุรกิจออนไลน์ และผู้ประกอบการที่สนใจนำเทคโนโลยีไปประยุกต์เข้ากับกิจการ และตามให้ทันเทรนด์ชีวิตคนสมัยใหม่ด้วยโซนที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน (Lifestyle Zone) แน่นอนว่าแต่ละโซนจะมีกลุ่มย่อยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการให้ตรงยิ่งขึ้นอีกด้วย
เริ่มกันที่โซนธุรกิจ จะแบ่งออกเป็นสามกลุ่มย่อยดังนี้
  • การตลาดออนไลน์ (Digital Marketing) ที่จะรวบรวมเทคโนโลยีเกี่ยวกับการพัฒนาเว็บไซต์ แอพลิเคชัน การบริหารโซเชียลเน็ตเวิร์ค และการโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาทางเลือกใหม่ๆ ของธุรกิจ
  • โซลูชันสำหรับธุรกิจ (Smart Business Solution) ส่วนนี้จะเน้นไปที่เทคโนโลยีสำหรับเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนให้กับองค์กรอย่างระบบกลุ่มเมฆ (Cloud System) รวมถึงระบบจัดการทางธุรกิจอื่นๆ อย่าง ERP, CRM และ E-Logistic เป็นต้น
  • การเงินออนไลน์ (Online Financial) ส่วนสุดท้ายในโซนธุรกิจที่เน้นเกี่ยวกับธุรกรรมการเงินโดยเฉพาะอย่าง Online Banking และ E-Payment
อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าส่วนธุรกิจจะเน้นเป้าหมายนักธุรกิจ ฝ่ายไอทีที่กำลังมองหาโซลูชันเพื่อไปใช้ในองค์กรตัวเอง หรือแม้แต่ปรับมาใช้เพื่อแข่งขันในตลาดได้มากขึ้น
ส่วนโซนเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันจะไม่หนัก และซับซ้อนเหมือนกับโซนธุรกิจ แต่เป็นเรื่องใกล้ตัว และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลายกว่า แบ่งออกเป็นสามกลุ่มย่อยเช่นกัน ดังนี้
  • การลงทุนออนไลน์ (Online Investment) ตามเทรนด์ในปัจจุบันที่ผู้คนหันมาสนใจการลงทุนผ่านตลาดหุ้นและทองที่กำลังเป็นที่นิยม ให้สะดวกและยืดหยุ่นขึ้นด้วยการใช้งานผ่านช่องทางออนไลน์
  • ชีวิตประจำวันในโลกดิจิทัล (Digital Lifestyle) มากกว่าแค่การเล่นเว็บไซต์ มากกว่าการเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์ค โลกดิจิทัลสมัยนี้ไปไกลกว่าที่หลายคนคิดอยู่มาก ส่วนนี้จะรวบรวมบริการบนโลกออนไลน์ และความบันเทิงต่างๆ เช่นการจองตั๋ว ซื้อของออนไลน์ หรือแอพลิเคชันใหม่ที่อำนวยความสะดวกได้มากขึ้นกว่าที่เคย
  • สมาร์ทโฟนและแก็ดเจ็ต (Smartphone & Gadget) ถ้าพูดถึงชีวิตประจำวันแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือบรรดาแก็ดเจ็ตต่างๆ นำทีมโดยสมาร์ทโฟน ที่ติดตัวกันแทบทุกคนอย่างน้อยคนละหนึ่งเครื่องไปแล้ว งานนี้จึงไม่พลาดที่จะนำของใหม่ๆ มาโชว์กันด้วย
นอกจากโซนจัดแสดงเทคโนโลยีต่างๆ แล้วภายในงาน Thailand Online Expo ยังมีสัมมนาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ ณ ห้อง Grand Ballroom ความจุ 800 ที่นั่งต่อรอบ ตลอดสี่วันที่จัดงาน โดยจะมีหัวข้อที่น่าสนใจทั้งงานถึง 10 หัวข้อด้วยกัน ทุกๆ วันจะมีประเด็นสัมมนาต่างกันไปเรื่อยๆ อย่างในวันที่ 26 เมษายนจะมีสัมมนาเกี่ยวกับ Cloud กับธุรกิจว่าแท้จริงแล้วเทคโนโลยีนี้สามารถใช้ลดต้นทุนให้กับองค์กรได้จริงหรือไม่ หรือในวันที่ 27 เมษายนกับสัมมนาธุรกิจอัจฉริยะที่จะเป็นการพูดคุยถึงการนำซอฟต์แวร์ต่างๆ มาใช้กับธุรกิจ และยังมีสัมมนาที่น่าสนใจอื่นอีก รายละเอียดของสัมมนาอื่นๆ สามารถดูได้จากหน้าสัมมนาของเว็บไซต์ Thailand Online Expo แน่นอนว่าฟรีตลอดงาน
ทางผู้จัดงาน Thailand Online Expo บริษัท ณดล คอนทริบิวชั่น จำกัด ผู้เคยจัดงาน Thailand Online Marketing เมื่อช่วงกลางปี 2555 และได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงานอย่างคับคั่ง พูดถึงการจัดงานแสดงเทคโนโลยีและประสบการณ์ออนไลน์ครั้งแรกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดว่าเป้าหมายของงานคือผลักดันให้เจ้าของธุรกิจวัยกลางคนที่เริ่มสนใจเทคโนโลยีได้มารับรู้ประสบการณ์จริงๆ ของเทคโนโลยีออนไลน์สมัยใหม่ ให้ไม่กลัวที่จะนำไปปรับใช้กับธุรกิจ ฝ่ายไอทีจะเสนอโปรเจคยกระดับการจัดการในองค์กรได้ง่ายขึ้นถ้าหากเจ้าของกิจการมองเห็นภาพชัดเจนแล้ว และยังเป็นช่องทางให้เด็กรุ่นใหม่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจเพื่อมาเปิดบริษัทหน้าใหม่ได้อีกด้วย
ส่วนการเพิ่มส่วนไลฟ์สไตล์เข้ามาในงานที่ดูเหมือนจะเน้นทางด้านธุรกิจเต็มสูบนั้น ทางผู้จัดมองเห็นว่าตลาดทั้งสองส่วนนั้นแท้จริงแล้วเป็นส่วนเดียวกัน ธุรกิจจะสามารถปรับการทำงานให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของพนักงานได้ ในขณะเดียวกันยังช่วยเดาเทรนด์ของผู้ใช้ในอนาคตไปพร้อมๆ กัน
ทางผู้จัดยังทิ้งท้ายไว้อีกว่า โลกออนไลน์เป็นโลกแห่งประสบการณ์ที่ถ้าได้เห็น ได้สัมผัสแล้ว จะเข้าใจ และนำไปใช้งานได้จริง สำหรับผู้ที่สนใจจะมาเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างประสบการณ์ใหม่บนโลกออนไลน์ สามารถเข้าร่วมงานได้ในวันที่ 25-28 เมษายน ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ไม่แน่ว่างานนี้อาจจะพลิกโฉมทั้งธุรกิจ และเศรษฐกิจของประเทศไทยไปเลย
News : blognone

Monday, February 4, 2013

วิเคาระห์ข้อแตกต่าง Metro VS. Unity

ช่วงอาทิตย์ก่อน Microsoft ได้เปิดตัว Windows 8 รุ่น Developer preview ให้โหลดมาทดลอง ซึ่งผมลองแล้วพบว่า Metro ที่มากับ Windows 8 มันสุดยอดมาก เลยกะว่าจะเอามาเปรียบมวยกับ Unity สักหน่อย
ก่อนอื่นต้องปรับพื้นก่อน คิดว่าแถวๆ นี้ต้องมีคนที่ไม่รู้ว่า Metro กับ Unity คืออะไรแน่ๆ
Metro เป็นหน้าตาแบบใหม่ของ Windows 8 ที่มีหน้าจอในรูปแบบของแผ่นกระเบื้อง ส่วน Unity คือหน้าจอแบบใหม่ของ Ubuntu ที่มีไอคอนเรียงๆ กันอยู่ทางซ้าย
Windows 8 Developer Edition

Metro ใน Windows 8
unity-2
Unity ที่มีมาตั้งแต่ 11.04

เปรียบเทียบ

Unity

  • อยู่กึ่งๆ ระหว่างความเป็น OS X และ Windows
  • ผู้ใช้ต้องปรับตัวพอสมควร แต่ถ้าชินแล้วก็ใช้งานไม่ยาก จริงๆ แล้วมันปรับตัวไม่ยากด้วย (บอกเลยว่า ถ้าใช้คล่องแล้วจะชอบ) ขึ้นอยู่กับว่าเราเปิดใจที่จะปรับตัวหรือเปล่า
  • โปรแกรมเดิมๆ ที่มีอยู่สามารถใช้งานได้ทันที
  • เหมือนว่าจะเหมาะกับการใช้งานสำหรับจอสัมผัส แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้หรอก เพราะโปรแกรมมันไม่เอื้อ จริงๆ การใช้งาน Unity ค่อนข้างใกล้เคียงการใช้เป็นจอสัมผัสมากแล้ว เพียงแต่โปรแกรมจะต้องพัฒนาหรือปรับหน้าตาใหม่ให้เหมาะแก่การจิ้ม
  • อยู่ได้บน CPU ทุกตระกูลที่เคอร์เนลรองรับ

Windows 8

  • อินเทอร์เฟซใหม่สุดๆ จริงๆ มันเหมือน Windows Phone 7 นั่นและ
  • ผู้ใช้ต้องปรับตัวบ้าง แม้มันจะออกแบบมาให้ง่าย แต่ถ้าต้องการปรับอะไรลึกๆ ก็คงต้องอาศัยความคุ้นเคย แต่ในการใช้งานทั่วไปนั้น ผมว่ามันใช้งานได้ง่ายมากๆ
  • โปรแกรมต้องพัฒนาขึ้นใหม่ ให้ทำงานสำหรับหน้าจอ Metro โดยเฉพาะ
  • เหมาะกับการเป็นจอสัมผัสอย่างยิ่ง สมัยก่อนเราอาจเคยเห็นคนเอา Windows 7 หรือ Windows อื่นๆ มาจับใส่ Tablet ซึ่งสุดท้ายมันก็ไม่รอดหรอก เพราะหน้าตาโปรแกรมมันไม่ได้ออกแบบมาให้จิ้ม ถึงจะฝืนใช้งานได้แต่ก็ไม่สนุกแน่ๆ
  • อยู่ได้บน CPU x86 และ ARM
สิ่งหนึ่งที่ Unity และ Metro เหมือนกันคือ มันพยายามจะให้โปรแกรมทำงานในโหมด Full screen ตลอดเวลา ซึ่งเป็นแนวทางของระบบปฏิบัติการบน Tablet แต่ Unity ก็ยังไม่เป็น Full screen อย่างเต็มรูปแบบนัก เพราะยังมีหน้าต่างอยู่ สามารถแสดงผลหน้าต่างคู่ได้อยู่ เหตุผลง่ายๆ ว่าทำไม Unity มันถึงดูกึ่งๆ ระหว่างหน้าจอแบบ Full screen กับแบบหน้าต่างคือ Ubuntu หาจุดลงให้ Unity ไม่ได้ คือ อยากให้เหมาะกับการเป็นจอสัมผัส แต่การใช้งานในรูปแบบของคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหน้าต่างก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น ส่วน Microsoft แก้ปัญหานี้ได้อย่างสุดยอดคือ มีมันทั้งสองแบบนั่นแหละ (มีหน้าจอในแบบ Windows 7 ให้เรียกใช้ได้) สำหรับงานนี้ถือว่า Microsoft ทำออกมาได้ดีมาก

Kite แท็บเล็ต Ubuntu สัญชาติอิตาเลียน

บริษัท DaVinci Mobile จากอิตาลี เผยผลิตภัณฑ์แท็บเล็ต Kite ใช้ระบบปฏิบัติการ Ubuntu 12.04นอกเหนือจากระบบปฏิบัติการ Ubuntu แล้ว ตัว Kite ยังมีระบบปฏิบัติการ Android 4.0 ติดมาด้วย โดยจะใช้เป็นระบบปฏิบัติการหลักในตอนเปิดเครื่อง
ข้อมูลสเป็คเครื่องของ Kite มีดังนี้
  • หน้าจอ IPS ขนาด 10.1 นิ้ว ความละเอียด 1,920*1,200 พิกเซล
  • หน่วยประมวลผล Samsung Exynos 4 ความเร็ว 1.5 GHz แบบ quad core
  • แรม 2 GB
  • หน่วยความจำ 32 GB
  • ช่อง microSD
  • ช่อง USB และ micro USB
  • ช่อง HDMI
  • กล้องหลัง 2 ล้านพิกเซล
  • กล้องหน้า VGA
ราคาขายของ Kite อยู่ที่เครื่องละ 309 ยูโร (ประมาณ 12,000 บาท)
ที่มา: Blognone

Apache OpenOffice และ LibreOffice เร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ รองรับ Office 2013 และ cloud

ApacheApache OpenOffice และ LibreOffice กำลังพัฒนาชุดซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ โดยฟังก์ชันเด่นที่น่าสนใจ คือรองรับ Office 2013, ระบบ cloud, social network และการใช้งานบนแท็บเล็ต
ทางฝั่งของ Apache OpenOffice มีกำหนดจะปล่อยซอฟต์แวร์เวอร์ชัน 3.5 ช่วงไตรมาสแรกของปี 2013 โดยเน้นปรับปรุงการทำงานกับเอกสาร XML ของ Office 2007-2013 ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งเพิ่มความเสถียรและความสะดวกในการใช้งาน นอกจากนี้ยังเพิ่มภาษาที่รองรับอีกด้วย
Apache OpenOffice ยังมีแผนปรับเอา UI ของ Symphony ที่ได้จาก IBM มาใช้งานด้วย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นในเวอร์ชัน 4.0 เป็นต้นไป

ส่วนแผนในระยะยาวของ Apache OpenOffice จะพัฒนาซอฟต์แวร์ให้รองรับ OpenSocial, CMIS และ OData เพื่อเพิ่มโอกาสในการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับ social network
อีกด้านหนึ่ง LiberOffice ซึ่งเพิ่งปล่อยซอฟต์แวร์เวอร์ชัน 3.5 และ 3.6 มาในปีนี้ ก็กำลังปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้รองรับระบบ cloud และการใช้งานบนแท็บเล็ตให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้เป็นผลมาจากกระแสนโยบายให้พนักงานนำอุปกรณ์ไอทีของตนเองมาใช้งานใน องค์กร (BYOD - bring your own device) ที่กำลังแพร่หลาย โดยคาดว่าจะสามารถใช้งานได้จริงปลายปีหน้า หรืออย่างช้าคือต้นปี 2014
ที่มา - blognone

ยืนยัน ไม่ลดราคา Wii U ในช่วงนี้

Wii Uถึงแม้ยอดขายอย่างเป็นทางการของ Wii U ออกมาไม่ร้อนแรงนัก จนหลายคนอาจคาดว่านินเทนโดจะใช้กลยุทธ์เดียวกับ 3DS ในช่วงแรกคือ "ลดราคา"
แต่ Satoru Iwata ประธานนินเทนโดก็ยังยืนยันว่าจะคงราคาของ Wii U ไว้ดังเดิม โดยให้เหตุผลที่เคยบอกไปแล้วว่าราคาขายของ Wii U เป็นราคาที่ขาดทุนอยู่แล้วในปัจจุบัน และมองว่าปัญหาของ Wii U ไม่ได้อยู่ที่ราคาไม่ดึงดูด แต่เป็นเพราะนินเทนโดเองยังไม่สามารถสื่อสาร "คุณค่า" ของสินค้าไปยังผู้บริโภคได้มากพอ
Iwata ยังย้ำว่าการบ้านของนินเทนโดคือการปรับปรุงคุณภาพของเฟิร์มแวร์ โดยเฉพาะความเร็วการบูตเครื่องและการสลับแอพ รวมถึงขยายจำนวนเกมให้มากขึ้นและมีคุณภาพมากขึ้นด้วย
ที่มา - blognone

40% ของแอพ BB10 เป็นแอพจาก Android

BlackBerryจากข่าว BB10 เปิดตัวพร้อมแอพ 70,000 ตัว ซึ่งถือว่าเยอะมากสำหรับแพลตฟอร์มสร้างใหม่ อย่างไรก็ตามทาง BlackBerry เองก็ออกมายอมรับแล้วว่าแอพจำนวน 40% จาก 70,000 ตัว (หารกันออกมาแล้วประมาณ 28,000 ตัว) เป็นแอพจากแพลตฟอร์ม Android
BlackBerry World เปิดให้นักพัฒนาแอพ Android สามารถส่งแอพของตัวเองเข้ามาขายได้อยู่แล้ว โดยต้องปรับปรุงให้ตัวแอพทำงานเข้ากับ BB10 SDK บางส่วน เช่น ปุ่มเมนูหรือปุ่มย้อนกลับจะถูกแทนที่ด้วย gesture บนหน้าจอแทน (ซึ่งโดยรวมแล้วถือว่าแก้ไม่เยอะนัก)
ในแง่การใช้งาน แอพ Android สามารถรันบน BB10 และทำงานได้จริง แต่ประสบการณ์การใช้งานคงสู้แอพที่สร้างด้วย BB10 SDK ได้ยาก เพราะแอพ Android ทำงานผ่านอีมูเลเตอร์ ทำให้หน้าตาหรือ UI ยังเป็นแบบ Android ทุกประการ ดูไม่เข้ากับส่วนอื่นๆ ของ BB10 เป็นอย่างมาก (ซึ่ง BlackBerry เองก็ยอมรับและกระตุ้นให้นักพัฒนาทำแอพแบบ native มากกว่า)
ที่มา - blognone

นักวิเคราะห์ประเมิน Windows Phone-BB10

Windows Phone 8บริษัท ABI Research ออกรายงานประเมินสภาพการณ์สมาร์ทโฟนในปี 2013 ดังนี้



  • ยอดผู้ใช้รวม (ไม่ใช่ยอดขาย) ของสมาร์ทโฟนปี 2013 จะอยู่ที่ 1.4 พันล้านราย แบ่งเป็น Android 57% และ iOS 21%
  • ยอดผู้ใช้แท็บเล็ตรวมปี 2013 อยู่ที่ 268 ล้านราย แบ่งเป็น iOS 62% และ Android 28%
  • สมาร์ทโฟนมีอัตราการเติบโต 44% เทียบกับปี 2012 ส่วนแท็บเล็ตจะโต 125%
  • สิ้นปี 2012 ผู้ใช้ Windows Phone ทั้งหมดจะเพิ่มเป็น 45 ล้านราย และผู้ใช้ BB10 จะอยู่ที่ 20 ล้านราย ส่วนแท็บเล็ตสาย Windows 8 ผู้ใช้ 5.5 ล้านราย
  • การเติบโตของ Windows Phone และ BB10 จะทำให้นักพัฒนาเริ่มหันมาสนใจสองแพลตฟอร์มนี้มากขึ้น ช่วยให้สองรายนี้ยังอยู่ในเกมและสามารถแข่งขันได้ต่อไป
ที่มา - blognone

ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส

ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส

ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส (Open Source Software – OSS) คือซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ที่มีไลเซนส์แบบโอเพนซอร์ส ซึ่งมีลักษณะต่างจากไลเซนส์ของซอฟต์แวร์ทั่วไป คือผู้พัฒนาเจ้าของซอฟต์แวร์จะอนุญาตให้ผู้ใช้ติดตั้งและใช้งานได้อย่างไม่ จำกัดทั้งจำนวน และรูปแบบการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานส่วนตัว ในเชิงการค้า หรือในองค์กร นอกจากนี้ยังอนุญาตและสนับสนุนให้เรียนรู้ทำความเข้าใจการทำงานของซอฟต์แวร์ โดยการเผยแพร่ต้นฉบับ (source code) ของซอฟต์แวร์ออกมา และอนุญาตให้แก้ไขดัดแปลงให้ตรงความต้องการได้

FeaturesBenefits
ติดตั้งได้ไม่จำกัดประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะไม่มีค่าไลเซนส์ และไม่เสี่ยงต่อการละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะใช้งานแบบใดหรือจำนวนเท่าใด
มี source code ที่เปิดเผยมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรแอบแฝงอยู่ในซอฟต์แวร์ และมีช่องโหว่น้อย เพราะถ้ามีก็จะมีคนเห็น แล้วแก้ไขอย่างรวดเร็ว
สามารถก็อปปี้และเผยแพร่ได้ไม่เสี่ยงต่อการละเมิดลิขสิทธิ์โดยไม่เจตนา สามารถก็อปปี้ไว้ในเซิร์ฟเวอร์ขององค์กรเพื่อดึงไปติดตั้งในพีซีทั้งองค์กร
ปรับปรุงให้ตรงความต้องการได้เมื่อต้องการ feature เพิ่มหรือติด bug องค์กรสามารถแก้ไข หรือจ้างผู้เชี่ยวชาญแก้ไขให้ได้ ไม่ต้องรอเจ้าของซอฟต์แวร์
เพราะเปิดเผยจึงมีผู้ให้บริการหลายรายการนำซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สมาใช้จึงมีค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล เพราะลูกค้ามีอำนาจต่อรอง มีทางเลือกมาก
นิยมมาตรฐานเปิดซอฟต์แวร์แบรนด์เนมมักป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ซอฟต์แวร์อื่นโดยใช้ฟอร์แมตที่เป็นความลับ ทำให้ทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์อื่นไม่ได้ ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สใช้ฟอร์แมตมาตรฐานเปิดเพื่อให้ทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์อื่นได้เป็นอย่างดี
ที่มา osdev.co.th

หุ่น Android ตัวใหม่โผล่ใน Googleplex แต่ไม่ใช่ Key Lime Pie

Androidไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้มีการติดตั้งหุ่น Android ขนาดใหญ่เพิ่มในเขตสำนักงาน Googleplex ที่ Mountain View แต่งานนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับ Key Lime Pie
โดยปกติแล้ว หุ่น Android จะถูกนำมาวางที่ลานหญ้าหน้าอาคาร 44 ใน Googleplex ซึ่งเป็นสำนักงานหลักของทีมพัฒนาระบบปฏิบัติการ Android โดยทุกครั้งที่มีการเปิดตัว Android รุ่นใหม่ ก็จะมีหุ่นตัวแทนของรุ่นนั้นๆ ถูกนำมาวางเพิ่มที่พื้นที่ดังกล่าว ซึ่งครั้งล่าสุดก็เป็นหุ่น Jelly Bean ตอนเปิดตัว Android 4.1
ทว่าหุ่น Android ตัวใหม่เอี่ยมในคราวนี้ไม่ได้มาในสีเขียวสดใสตามปกติ แต่มาในลักษณะที่เหมือนถูกชุบด้วยโครเมียม ที่สำคัญหุ่นตัวใหม่นี้ไม่ได้ตั้งอยู่ที่อาคาร 44 แต่กลับไปติดอยู่ตรงบริเวณเหนือทางเดินของอาคาร 45 ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม

งานนี้เลยมีการคาดเดากันไปต่างๆ นานา ว่า Google กำลังจะจับ Android กับ Chrome มายุบรวมกันเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นเดียวกันในอนาคต ซึ่งก็คงน่าตื่นเต้นไม่น้อยหาก Google คิดจะทำเช่นนั้นจริงๆ
ที่มา - blognone

พบสตริงเพิ่มความละเอียดกราฟฟิค 4 เท่าบน Quartz Core หรือว่าแอปเปิลจะทำ Super Retina Display?

Retina DisplayRyan Petrich หนึ่งในนักพัฒนาโปรแกรม jailbreak ต่าง ๆ เช่น BrowserChooser, FullForce และ Display Recorder ได้พบกับสตริงใหม่บน Quartz Core ที่ชี้ให้เห็นว่าแอปเปิลอาจจะเตรียมทำหน้าจอที่มีความละเอียดกว่าจอ Retina Display ธรรมดาอีกเท่าตัว
สตริงที่ว่านี้ คือ kCAContextEnablePixelQuadrupling ซึ่งมีลักษณะเดียวกับก่อนหน้าที่แอปเปิลจะเปิดตัว iPhone 4 ที่มาพร้อมกับหน้าจอ Retina Display ครั้งแรกที่ใช้สตริงอีกอันคือ kCAContextEnablePixelDoubling
อย่างไรก็ตาม การผลิตหน้าจออุปกรณ์พกพาที่มีความละเอียด 652ppi ก็อาจจะมากเกินความจำเป็น แต่เป็นไปได้ว่าแอปเปิลอาจจะต้องการสนับสนุน 4K TV สำหรับสินค้าอย่าง Apple TV ก็เป็นได้
ที่มา - blognone

มาอีกมือถือใหม่ซัมซุงโผล่

Samsung Galaxyเราเห็นข่าวมือถือ-แท็บเล็ตซัมซุงหลุดออกมาอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะจากฐานข้อมูลเบนช์มาร์คต่างๆ ที่วิศวกรของซัมซุงลองรันทดสอบ
รอบล่าสุดมีคนไปเจอมือถือใหม่ของซัมซุงถึง 6 ตัวในฐานข้อมูลของ GLBenchmark

  • GT-I9150/GT-I9152 – Galaxy Fonblet 5.8 หน้าจอ 960x540, ซีพียู 1.2GHz Broadcom
  • GT-S5310/GT-S5312 – Galaxy Pocket 2 หน้าจอ 320x240, ซีพียู 850MHz Broadcom
  • GT-S5282 – Galaxy Star หน้าจอ 320x240, ซีพียู Spreadtrum
  • GT-S6310/GT-S6312 – Galaxy Young หน้าจอ 480x320, ซีพียู 1GHz Qualcomm
  • GT-S6810/GT-S6810P – Galaxy Frame หน้าจอ 480x320, ซีพียู 1GHz Broadcom
  • GT-B9150 - หน้าจอ 1920x1080, ซีพียู Exynos 5250 1.7GHz ดูอัลคอร์
ทุกตัวรัน Android 4.1.2 ยกเว้นตัวสุดท้ายคือ GT-B9150 เป็น 4.2.1 และจุดที่น่าสนใจคือในอดีตซัมซุงใช้รหัส GT-B สำหรับมือถือที่มีคีย์บอร์ด QWERTY ด้วย

ที่มา - blognone

Wine for Android เริ่มการพัฒนาแล้ว

ที่ผ่านมาเราเห็นเทคโนโลยีอย่าง Bluestacks ที่ช่วยให้แอพจากแอนดรอยด์ไปทำงานบนวินโดวส์ได้ แต่คำถามคือถ้าอยากเอาแอพบนวินโดวส์ไปรันบนแอนดรอยด์ จะต้องทำอย่างไร?
Wineทีมงาน Wine อาจมีคำตอบให้แล้ว เพราะล่าสุดเปิดตัวโครงการ Wine on Android กันแล้ว
Alexandre Julliard นักพัฒนาหลักของโครงการ Wine สาธิตการทำงานของ Wine on Android รุ่นต้นแบบที่งานสัมมนา FOSDEM ในเบลเยียม
ตอนนี้โครงการ Wine for Android ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ยังมีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพและความเข้ากันได้อยู่มาก แต่ก็เป็นสัญญาณอันดีว่าเราจะได้เห็นการรันแอพวินโดวส์บนอุปกรณ์แอนดรอยด์ (โดยเฉพาะสายที่เป็น x86) ในอนาคตอันไม่ไกลจากนี้

ที่มา - blognone

Team Meat เผยต้นกำเนิดเกม Mew-Genics

โปรเจคพัฒนาเกมใหม่ของ Team Meat ในชื่อเกม Mew-Genics ที่มีอัพเดตรายละเอียดตัวเกมใหม่เรื่อยๆ ในวันเสาร์ (หรือที่เขาเรียกว่า Caturday) โดยในสัปดาห์นี้มีข้อมูลใหม่เพิ่มขึ้นมาดังนี้
อย่างแรกคือ Mew-Genics ที่ประกาศแต่ต้นว่าจะลงแพลตฟอร์ม iOS ตอนนี้ประกาศรองรับ Steam ด้วยแล้ว นอกจากนี้ McMillen ผู้สร้างเกมยังพูดถึงต้นกำเนิดของเกมที่เริ่มต้นจากงานแข่งขันพัฒนาเกมภายใน สองวันอย่าง Ladum Dare ครั้งที่ 24 เมื่อช่วงกลางปี 2012 โดยธีมหลักของงานแข่งครั้งนั้นอย่าง "การวิวัฒนาการ" รวมถึงธีมของตัวเขาเอง "แมวร้อยตัว" ออกมาเป็นเกมตัวต้นแบบที่ยังเป็นแฟลชอยู่ หลังงานจบลง McMillen คิดว่าเกมนี้น่าจะไปได้ไกลกว่านั้นจึง
พัฒนาต่อมาจนถึงปัจจุบัน รวมทิ้งสิ้นแล้วก็ผ่านมากว่า 18 สัปดาห์แล้ว
จากเหตุผลดังกล่าว Team Meat ก็ประกาศพักการพัฒนา Super Meat Boy ภาคใหม่อย่างเป็นทางการ เพื่อไปเน้นกับ Mew-Genics ให้มากขึ้นนั่นเอง
ที่มา - blognone

Kakao Talk ปล่อยฟีเจอร์ Game Center บน iOS

แฟลตฟอร์มแอพแชทบนมือถือในแถบเอเชียยังคงร้อนระอุ ล่าสุดเจ้าตลาดฝั่งเกาหลีอย่าง KakaoTalk เปิดตัวฟีเจอร์ Game Center บน iOS แล้ว หลังจากเริ่มใช้กับ Android มาตั้งแต่กลางปีก่อน
สำหรับ iOS จะมีเกมชุดแรกที่ใช้ฟีเจอร์ดังกล่าวทั้งสิ้น 5 เกม (ฝั่ง Android ปัจจุบันมี 6 เกม) และมีแผนจะเพิ่มเป็น 100 เกมภายในสิ้นปีนี้
เป้าหมายของการขยายฟีเจอร์นี้นอกจากจะชนกับ LINE ที่พยายามรุกเข้ามาฝั่งเกาหลีแล้ว ยังเป็นความพยายามแข่งขันกับเจ้าตลาดโซเชียลเกมในญี่ปุ่นอย่าง GREE และ Mobage อีกด้วย

ในที่มายังระบุจำนวนผู้ใช้งานในญี่ปุ่นของ Kakao Talk ว่ามีราวๆ 9 ล้านราย เทียบกับ LINE ที่ปัจจุบันมีราว 41 ล้านราย
ที่มา - blognone

สเปค ไอโฟน มินิ iPhone Mini

iphone mini ไอโฟน มินิiPhone mini อัพเดทข่าว(ลือ) ไอโฟน มินิ กับ jigload.com หลุดกันมาอีกแล้วกับภาพจำลองและรายละเอียดสเปคของ ไอโฟน มินิ หรือไอโฟนรุ่นประหยัด สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานเพียงการโทรออก-รับสายเข้า โดยตัวเครื่องมีขนาดของหน้าจอประมาณ 4 นิ้ว รูปร่างและหน้าตาคล้ายกับ iPod Classic ผสมกับ iPod  Touch Gen 5 และมีปุ่มคล้าย iPhone 5 สำหรับวัสดุตัวเครื่องผลิตจากพลาสติกแบบเดียวกันกับ iPhone 3GS สำหรับรายละเอียดสามารถติดตามได้ทางด้านล่าง
iLoung ได้อ้างว่าได้รับข่าวจากวงในเกี่ยวกับการออกแบบของตัวเครื่อง iPhone mini หรือ ไอโฟน รุ่นประหยัด ที่มีข่าวลือว่าทางแอปเปิ้ลกำลังวางแผนในการผลิต(ถึงแม้ว่าผู้บริหารระดับ สูงจะออกมาปฎิเสธแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถสยบข่าวลือนี้ได้)

แหล่งข่าวอ้างว่า iPhone mini จะ มีความสูงมากกว่า iPhone 5 ประมาณ 0.5 มิลลิเมตร และมีความหนามากกว่า iPhone 5 ประมาณ 1 มิลลิเมตร วัสดุที่ใช้ทำตัวเครื่องผลิตจากพลาสติกมันวาวแบบเดียวกับ iPhone 3GS และมีความโค้งมนของตัวเครื่องมากกว่า iPhone 5

 
iphone mini ไอโฟน มินิ 2
ทางด้านหน้าของตัวเครื่องจะคล้ายกับ iPhone 5 ทั้งตำแหน่งของกล้องหน้าสำหรับใช้งาน Facetime รวมไปถึงปุ่มควบคุมต่างๆ ตำแหน่งไมค์ ตำแหน่งของช่องเสียบหูฟัง ที่ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมอย่างที่เคยเป็น หน้าจอมีความละเอียด 1136 x 640 พิกเซล พอร์ทการเชื่อมต่อแบบ Lightning Port เช่นเดียวกันกับ iPhone 5, iPad 4, iPad mini
iphone mini ไอโฟน มินิ 3
คัดลอกมาจากเว็บ jigload.com